การซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ๆ
ความต้องการซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มีอยู่ทุกวันตามความต้องการและจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ผู้ใหญ่วัยทำงานที่มีรถอยู่แล้วก็อาจอยากเปลี่ยนรถใหม่ วัยรุ่นที่เริ่มทำงานก็อยากมีรถกับเขาบ้าง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูกแต่อย่างใดเพียงแต่การจะซื้อรถใหม่อย่างไรให้สบายกระเป๋าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เดียว เพราะอย่าลืมว่าการซื้อรถยนต์เป็นภาระสำคัญอย่างหนึ่ง และคำว่ารถยนต์ก็เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าลดลงตลอดเวลาตามอายุการใช้งาน นอกจากนี้ไม่เพียงคิดว่าจะซื้ออย่างไรให้สบายกระเป๋า ต้องคิดด้วยว่าจะซื้อรถอย่างไรให้คุ้มค่า
วันนี้ผมมีแนวทางในการติดสินใจก่อนพิจารณาซื้อรถยนต์ใหม่สักคันมาแนะนำกัน
1. ดูงบประมาณในกระเป๋า
เป็นสิ่งสำคัญที่สุดเลย หลายคนอาจคิดอยากซื้อรถเพื่อความสบายในการเดินทางส่วนตัว เพื่อจะได้ไม่ต้องไปเบียดเสียดบนรถประจำทางหรือการขนส่งสาธารณะกับคนอื่น แต่ถ้าซื้อที่มีราคาเกินกำลังทรัพย์ ความสบายที่หวังว่าจะได้รับก็อาจจะกลายเป็นความทุกข์ใจในภายหลังเนื่องจากภาระการผ่อนรถที่ต้องแบกรับไว้หลายปี ผมอยากแนะนำให้คิดไว้เสมอว่ามูลค่าของรถยนต์นั้นลดลงตลอดเวลา หากไม่จำเป็นอย่าซื้อรถที่มีราคาแพงมากเกินไป และให้คิดอีกว่าชีวิตนี้เราคงไม่ได้ใช้รถเพียงคันเดียว อาจจะต้องมีการเปลี่ยนคันใหม่อีกไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อรถยนต์ในระดับราคาที่พอจ่ายไหวและเท่าที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงเวลานี้ก็พอ
2. เลือกประเภทรถที่ต้องการ
ถ้าคุณมีงบประมาณน้อย คุณอาจเลือกตัดรถยนต์บางประเภทออกไป โดยอาจเลือกดูประเภทของรถยนต์ที่อยู่ในงบของคุณ เช่น มีงบประมาณ 5-6 แสนบาท ประเภทของรถที่สามารถเลือกได้ก็เช่น รถอีโคคาร์ซึ่งมีทั้งแบบแฮชแบ็ก 5 ประตู และ 4 ประตู หรือรถประเภทซิตี้คาร์ที่คันใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือรถยนต์นั่ง 4 ประตูขนาดเล็ก ปัจจุบันงบประมาณระดับ 5-6 แสนบาทก็พอที่จะเลือกรถยนต์อเนกประสงค์ประเภท MPV ได้เหมือนกัน และที่สำคัญเลย อย่าซื้อรถประเภทที่เมื่อนำมาใช้งานจริงแล้วเกินความจำเป็น เช่น คิดว่าซื้อรถคันใหญ่ๆ ไว้ก่อน เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดจะได้นั่งสบายๆ นั่งได้หลายคน แต่ในความเป็นจริงมีโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดแค่ปีละครั้งสองครั้ง และไปกันแค่ 3-4 คน ซึ่งรถพวกซิตี้คาร์ก็นั่งได้สบายๆ
3. แบรนด์และการรับประกัน
ถ้าว่ากันตามหลักการ ค่ายรถยนต์ในปัจจุบันที่มีจำหน่ายในบ้านเราส่วนใหญ่ต่างก็มีมาตรฐานทัดเทียมกัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีบางค่ายที่ระดับความน่าเชื่อถือยังน้อยอยู่ หรือแม้ค่ายใหญ่ๆ ที่เราคิดว่ามีมาตรฐานบางค่ายก็ยังมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการรับประกันให้กับลูกค้าอยู่ ดังนั้นการตัดสินใจเลือกว่าจะซื้อรถใหม่ของยี่ห้อไหนก็สำคัญเหมือนกัน นอกจากจะเลือกยี่ห้อรถไหนแล้ว ก็ควรหาข้อมูลเฉพาะของรุ่นที่เราสนใจด้วยว่ามีปัญหาอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
4. อัตราการสิ้นเปลือง/พลังงานทางเลือก
ซื้อรถเอาแต่ความถูกใจหรือความแรงอย่างเดียวคงไม่ได้ โดยเฉพาะถ้าคุณไม่ได้จับจ่ายได้อย่างสบายกระเป๋า ในการเปรียบเทียบรถรุ่นต่างๆ ก็ควรดูอัตราสิ้นเปลืองของรถแต่ละรุ่นประกอบด้วย ตลอดจนดูไปถึงว่า ระบบเครื่องยนต์ของรุ่นต่างๆ นั้น รุ่นใดสามารถติดตั้งพลังงานทางเลือกพวก LPG หรือ NGV ได้หรือไม่
5. โอกาสในการขายต่อ
ถ้าคุณไม่ได้คิดว่าจะใช้รถรุ่นนั้นชนิดที่ว่าใช้กันยาวๆ 10-15 ปี ใช้กันจนคุ้มค่าตัวและค่าเสื่อมสภาพของรถ แต่คิดว่าจะใช้รถประมาณ 5-8 ปีแล้วจะเปลี่ยนคันใหม่ ก็ควรที่จะพิจารณารถตลาดที่ทำราคาขายต่อได้ดีๆ เพื่อที่จะได้มีเงินเหลือพอสมควรจากการขายรถคันเก่าไว้ซื้อรถคันใหม่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น